อดีตนายกปู-ขุนค้อน-นิคม’ จะรอดหรือจะร่วง ?!? จากไทยรัฐ

รูปยิ่งลักษณ์,นิคม,สมศักดิ์ ใกล้ถึงจุดจบประเด็นร้อนของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่นัดลงมติเชือดวันนี้ว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และนายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา จะรอดหรือร่วง?

ขณะที่เกมนอกสภาฯ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ดุเดือดไม่แพ้กัน ทำเอาโซเชียลมีเดียร้อนระอุ จากการโต้ตอบของคนการเมืองจากฟากฝั่งพรรคเพื่อไทยที่ดาหน้าป้องอดีตนายกฯ และตั้งหน้าตั้งตาลุ้นผลว่าจะออกหัวหรือก้อย ด้าน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เองถึงกับโดดคุมเกม ส่งทหารเคลียร์ คดีถอดถอน นางสาวยิ่งลักษณ์ พร้อมส่งคำเตือนว่า อย่าเคลื่อนไหวเกินกรอบของกฎหมายมากนัก และขอให้ประชาชนยอมรับมติว่า จะถอดถอนหรือไม่ ของเหล่า สนช. ซึ่งวันนี้ต้องรู้ผล

รศ.อัษฎางค์ ปาณิกบุตร นักวิชาการอิสระ กล่าวกับไทยรัฐออนไลน์ว่า หลังจากการลงมติถอดถอนไปตนไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่หากการลงมติถอดถอนเกิดขึ้นความขัดแย้งก็จะฝั่งรากลึกไปในสังคม ซึ่งขณะนี้เราขัดแย้งกันเป็นสองพวกอยู่แล้ว การที่คุณถอดถอนจะเป็นการตอกยํ้าความรู้สึกลึกขึ้นไปอีก และความรู้สึกเกลียดชังจะเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ

ทั้งนี้หาก สนช. มีมติให้ถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ นายสมศักดิ์ และนายนิคม จะสามารถร้องขอความคุ้มครองได้หรือไม่ นายอัษฎางค์ กล่าวว่า กรณีนี้ร้องใครไม่ได้ เพราะไม่มีช่องทาง ความจริงแล้วการที่นางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ไป ตนเห็นด้วย แสดงปฏิเสธไปเลยว่าไม่เห็นด้วย แต่ถ้าพิจารณาก็พิจารณาไป ซึ่งขณะนี้ไม่มีทางต่อสู้ได้

ส่วนแนวโน้มถอดถอนหรือไม่ อยู่ที่การตกลงกันล่วงหน้าว่า จะเอาหรือไม่ และใครมีอำนาจ เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ดีๆ มาเกิดขึ้น มีการโยนหินถามทางมาหลายเรื่อง ทหารพูดอีกอย่าง แต่ว่าจริงๆ แล้ว หากคนที่มีอำนาจจริงๆ สั่งว่า ต้องถอดถอนก็เป็นไปตามนั้น สภาฯ นี้เป็นของใคร และอยู่ที่เจตจำนงของรัฐบาลที่ยึดอำนาจมาต้องการอะไรก็เป็นไปตามนั้น ส่วนผลที่จะเกิดก็เป็นไปตามนั้น ยากเกินเดา แต่ถ้าความขัดแย้งนี้เกิดแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกลุ่มคนเสื้อแดงจะออกมา หรือไม่ รศ.อัษฎางค์ มองว่า ออกมาก็ไม่มีประโยชน์ ออกมาก็แค่วัดกำลัง หรือออกมาเชิงแค่ทดสอบพลังทหาร ซึ่งจริงแล้วหากเป็นประเทศอื่นอาจจะเกิดความรุนแรง แต่ประเทศไทยตนมองว่า ไม่มีความรุนแรง ลึกๆ ลงมีบาดแผล ทั้งนี้ หากมติออกมาว่าไม่โดนถอดถอน ตนมองว่า แล้วมีข้อตกลงกันว่าเอาแค่นี้พอ เพื่อให้เห็นว่าได้ดำเนินการแล้ว แต่ว่าจะเห็นชัดว่า เกิดอะไรในหมู่ของผู้มีอำนาจ ขัดแย้งกันเองหรือไม่ ก็จะเป็นที่วิจารณ์ต่อไป แต่ผลที่จะออกมาอย่างไรก็ต้องดูกันอีกที

“ความจริงรัฐบาลก็ก้มหน้าก้มหน้าแก้ปัญหาจะเป็นฮีโร่ของประชาชน ซึ่งขึ้นอยู่กับที่เขามองว่า ขณะนี้เขาทำอะไรอยู่ ผมว่าประเด็นใหญ่ของรัฐบาลคือทำให้ราษฎรอยู่ดีกินดี ชนะใจประชาชน ถ้าไม่ทำก็เรื่องของเขา แต่ผู้ปกครองต้องสร้างความเสมอภาค สร้างความเป็นธรรม ให้ความสะดวกสบายในชีวิตประชาชนพอสมควร” รศ.อัษฎางค์ กล่าว

ด้านนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกับไทยรัฐออนไลน์ ว่า หากนางสาวยิ่งลักษณ์ ถูกถอดถอนไม่สามารถร้องศาลปกครองได้ เนื่องจากไม่ใช่คำสั่ง หากถอดถอนแล้วก็จบเลย ส่วนมุมมองจะโดนถอดถอนหรือไม่ต้องดูข้อกฎหมายหรือดูพฤติกรรมเลย แต่ทั้งนี้ก็มีโอกาสที่จะไม่โดนถอดถอนก็ได้ แต่ถ้าถามตน มองว่าโดนถอดถอน เพราะข้อเท็จจริงชัดว่าจำนำข้าวมีความเสียหาย มีการทุจริตจริง แต่ทีนี้ เขาไม่ได้ฟ้องว่านางสาวยิ่งลักษณ์ ทุจริต ต้องแยกให้ออก แต่นางสาวยิ่งลักษณ์จะโดนในเรื่องของละเว้น เพิกเฉยไม่กำกับดูแล และปล่อยให้มีการทุจริต

ส่วนกรณีของนายนิคม และนายสมศักดิ์ ก็น่าจะโดนถอดถอนเหมือนกัน แต่มีข้อกฎหมายว่ารัฐธรรมนูญหมดไปแล้ว ซึ่งกรณีนี้ตนเป็นผู้ร้องเอง และเบิกความต่อศาลรัฐธรรมนูญ และศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ประเด็นที่ตนร้องละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ แก้รัฐธรรมนูญมิชอบด้วย ในเรื่องของการกำหนดเวลาในการแปรญัตติ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญก็เห็นด้วยว่าตามกำหนดระยะเวลาในที่สุดจะไม่ถูกต้อง

ทั้งนี้ ในช่วงของการปิดสำนวนของนายนิคมได้ระบุว่า ให้โอกาสแปรญัตติหรืออะไรก็ตามนั้น นายนายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ในเรื่องนี้ต้องดูคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งที่เราถกเถียงกันศาลรัฐธรรมนูญตัดสินกันหมดแล้ว แต่ในเรื่องการแปรญัตติ กำหนดเวลานั้นถูกต้องหรือชอบธรรมหรือไม่ ซึ่งศาลตัดสินแล้วว่า มิชอบ การกำหนดเวลาการแปรญัตตินั้นผิด ทำให้สมาชิกไม่สามารถยื่นแปรญัตติได้ ให้เวลาแค่ วันเท่านั้น การนับเวลาผิด ซึ่งการแปรญัตติต้องใช้เวลา 15 วัน ตามข้อบังคับ ซึ่งเขานับย้อนหลังเหลือเวลาเพียง 1 วัน เราก็ไปยื่นคำร้องต่อศาล ศาลตัดสินแล้วว่าที่ตนร้องนั้นถูก

“ผมไม่อยากให้ สนช.ไปเถียงกันในข้อเท็จจริง เพราะ สนช.จะหลงประเด็นว่าอันนี้ผิด อันนี้ไม่ผิด เพราะศาลรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นศาลสูงสุดเขาตัดสินแล้วว่า ผิด ซึ่งพอผิด ลักษณะผิดอย่างนี้ มันพอจะถอดถอนได้หรือไม่ ข้อเท็จจริงไม่ต้องมาเถียงกันเลยก็จบแล้ว จะไปเถียงศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้แล้ว” นายนิพิฏฐ์ กล่าว

ขณะที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวกับไทยรัฐออนไลน์ว่า เท่าที่รับฟังมาหากเกิดการถอดถอนขึ้นคงจะมีปฏิกิริยาบางอย่าง เพราะรัฐธรรมนูญไม่มีแล้ว และคนที่มาถอดถอนไม่ได้มาจากประชาชน เพราะฉะนั้นจะถอดถอนหรือไม่ถอดถอนก็ไม่ชอบธรรมอยู่แล้ว และถ้าไม่ชอบธรรมแล้วไปถอดถอนจนมีผลสำเร็จอีก อาจจะมีปฏิกิริยาที่แสดงออกถึงความไม่พอใจ แต่ก็คงอยู่กติกาที่เป็นอยู่ในขณะนี้ แต่เรื่องของความรู้สึกคงจะห้ามกันไม่ได้

ส่วนจะมีประท้วง ยื่นหนังสือ หรือไม่? นายเรืองไกร กล่าวว่า ตนมองว่าอาจจะเป็นการแสดงออกของแต่ละท้องที่มากกว่า เพราะเรื่องอย่างนี้คงจะไม่ใช่เป็นเรื่องของการมานั่งปรองดอง แต่เป็นการไล่ล่าข้างใดข้างหนึ่งมากกว่า ส่วนปฏิกิริยาที่ถึงกับว่ากฎกติกาที่จะเขียนขึ้นมาใหม่จะเป็นธรรมหรือไม่

ทั้งนี้ หากโดนถอดถอน ทางพรรคเพื่อไทยมีจะยื่นร้องที่ไหนหรือไม่ นายเรืองไกร กล่าวว่า ตรงนี้เรามีพูดคุยกัน และคงจะไม่ร้อง เพราะกติกาเขียนบอกมาอยู่แล้วว่า เมื่อถอดถอนก็จบสิ้นกระบวนของฝ่ายนิติบัญญัติไป ตัวหนังสืออ่านแล้วเข้าใจ แต่ตัวหนังสือที่เขียนมาจากความเป็นธรรมหรือไม่เป็นสิ่งที่คนจับตาดู

“ถ้าไม่ถอดถอนก็เข้าสู่กระบวนการปรองดองต่อไป แต่ถ้าถอดถอนกระบวนยอมรับน่าจะมีปฏิกิริยาเกิดขึ้น อาจจะมีพื้นที่จังหวัดมาพูดกับตัวแทน เขาถามว่าจะอยู่เฉยๆ โดยไม่มีปฏิกิริยาแสดงถึงความชอบธรรม ความยุติธรรมเลยหรือ ตนก็ไม่อยากให้มีอะไรนอกกติกา ผิดกฎหมาย และพรรคเพื่อไทยก็ดำเนินกิจการในพรรคไม่ได้ แต่แต่ละพื้นที่จะแสดงความเห็นอย่างไรก็เป็นอิสระของเขา ส่วนความรุนแรงจะเกิดขึ้นหรือไม่ตนก็ไม่ทราบ และคงจะมีถ้อยคำหรืออะไรก็ตามออกมาทางออนไลน์”

อย่างไรก็ตาม หากผลออกมาไม่โดนถอดถอน มองว่ากลุ่ม กปปส.จะลุกขึ้นมาบ้างหรือไม่ นายเรืองไกร กล่าวว่า ตอนนี้เขาก็โวยวายให้ถอดถอนอยู่แล้ว สนช.บางคนก็ตั้งธงเอาไว้แต่แรกแล้วว่าจะถอดถอน แต่ก็อยู่ที่ปฏิกิริยา สนช.ตรงกลาง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มทหารว่าจะเดินอย่างไร หากถอดถอนไป สิ่งที่พูดว่าปรองดอง กับพฤติการณ์ ที่สัญญาไว้ จะไปบังคับให้คนอื่นเชื่อทำได้หรือไม่ จะต้องคงกฎอัยการศึกเป็น 2-3 ปีหรือไม่ เพราะจะยิ่งยุ่งไปเรื่อยๆ

ทั้งนี้ หากนางสาวยิ่งลักษณ์ นายสมศักดิ์ และนายนิคมโดยถอดถอน อีก 38 อดีต ส.ว.ก็คงจะไม่รอด และอีก 200 อดีต ส.ส.ก็คงจะไม่รอดเช่นกัน ตรงนี้จะแสดงว่าเป็นปฏิกิริยาก็ต้องตามล้างตามเช็ด สวนกับคำพูดที่ว่า จะมาแก้ปัญหา ทางฝั่งองค์กรอิสระก็ชงลูกชัดเจน เกมการเมืองบางกลุ่มบางข้างไม่อยากปรองดองและไม่อยากปรองดองด้วย

“วันนี้จะถอดถอนหรือไม่ เสียงที่ได้ยินจะฝากฝั่งคนเพื่อไทยด้วยกันก็พูดว่าสงสัยไปแน่ จะให้นํ้าหนักไปทางนั้นค่อยข้างมาก เพราะว่าแนวโน้มหลายฝ่ายก็เช็กปฏิกิริยาของกลุ่มถอดถอน มีการรับสัญญาณกันอย่างไร จัดกลุ่มแบบไหน และความชัดเจนคงจะอยู่ที่หลังจาก นางสาวยิ่งลักษณ์ แถลงปิดไปแล้ว และคงจะชัดเจนในวันนี้ จะรบหรือจะรักกันเดี๋ยวรู้กัน จะรบคือโต้แย้งทางความคิดกันต่อไปว่า ประชาธิปไตยที่อาจจะสร้างคืออะไรกันแน่” นายเรืองไกร กล่าว

จากนี้ไปผลการลงมติถอดถอนของเหล่า สนช. ต้องนับเป็นชั่วโมง นาที และวินาที ว่า สุดท้ายแล้ว …(จริงๆ) จะรอดหรือไม่…เพราะไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร